วิทยานิพนธ์ระดับมหาบัณฑิต ปี 2555
การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมของชุมชนชาวจีนคาทอลิกในกรุงเทพมหานคร ค.ศ. 1965-1997 : กรณีศึกษากลุ่มคริสตังจีนแห่งวัดกาลหว่าร์
โดย ภูมิ ภูติมหาตมะ
ดาวน์โหลดได้ที่ http://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:101663
บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์เรื่องนี้มุ่งทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมของกลุ่มคริสตังจีนแห่งวัดกาลหว่าร์ในยุคสังคมเมืองสมัยใหม่ของกรุงเทพฯ ใน ค.ศ. 1965-1997 โดยเสนอ ว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดจากปัจจัยสำคัญ 2 ประการ ประการแรกคือ การสังคายนาวาติกันครั้งที่สอง (ค.ศ. 1962-1965) ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมด้านระบบวิถีชีวิตประการที่สอง คือ คำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร ที่ได้รับการเผยแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่องภายหลังจากการสังคายนาวาติกันครั้งที่สอง ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมด้านจิตใจ
กลุ่มคริสตังจีนแห่งวัดกาลหว่าร์เป็นกลุ่มชาวจีนที่มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่คริสต์ศาสนาในกรุงเทพฯ ชาวจีนกลุ่มนี้เติบโตขึ้นมาพร้อมกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการหลั่งไหลเข้ามาของชาวจีนโพ้นทะเลนับตั้งแต่สยามได้เปิดประเทศใน ค.ศ. 1855 เพื่อรับอิทธิพลทางด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของตะวันตก ต่อมาในทศวรรษ 1960 เมื่อกรุงเทพฯ พัฒนาสู่ความเป็นเมืองสมัยใหม่ กลุ่มคริสตังจีนเหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นกลางในสังคมเมืองโดยยังคงเป็นกลุ่มที่มีพลวัตทางวัฒนธรรมที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งวัฒนธรรมเนื่องในคริสต์ศาสนาและวัฒนธรรมจีน ซึ่งได้รับการปลูกผังมาจากครอบครัว วัด และโรงเรียนเป็นสำคัญ
การสังคายนาวาติกันครั้งที่สองได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่โครงสร้างทาง สังคมครั้งสำคัญภายในวัดกาลหว่าร์ สภาพสังคมของวัดกาลหว่าร์ นอกจากจะดำเนินไปตามเจตนารมณ์ของสภาสังคายนาควบคู่ไปกับแนวทางการสร้างเอกภาพของพระศาสนจักรท้องถิ่นแล้ว ยังคำนึ่งถึงนโยบายของรัฐในระหว่างยุคสงครามเย็นที่ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ด้วย คริสตังจีนแห่งวัดกาลหว่าร์จึงถูกผสมผสานให้มีความเป็นไทยมากขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ภายหลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนดำเนินนโยบายเปิดประเทศ เครือข่ายที่มีวัฒนธรรมจีนร่วมกันภายในหมู่คริสตังกลุ่มนี้ก็กลับมามีความเป็นปึกแผ่นมากขึ้น และเป็นแรงสนับสนุนสำคัญในการพัฒนา กิจการต่างๆ ของวัด
การสังคายนาวาติกันครั้งที่สองได้ส่งอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ด้านระบบวิถีชีวิตที่สำคัญคือ การนำภาษาจีนเข้ามาใช้ในพิธีมิสซา ซึ่งทำให้คริสตังจีนเข้าใจถึงความหมายและมีส่วนร่วมในพิธีกรรมทางศาสนาได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นด้วยความภาคภูมิใจใน อัตลักษณ์ทางภาษาของกลุ่มตน ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงนี้ก็ได้สร้างปัญหาการปรับตัวทางวัฒนธรรมให้แก่เจ้าอาวาสวัดชาวไทย ซึ่งเป็นผู้นำในพิธีดังกล่าว พิธีมิสชาภาษาจีนได้รับการ พัฒนาให้ใช้ภาษาจีนอย่างเต็มรูปแบบเมื่อมีการส่งเสริมโดยเจ้าอาวาสวัดที่เชี่ยวชาญภาษาจีนอย่างไรก็ตาม แม้ว่ากลุ่มคริสตังจีนมีการติดต่อสัมพันธ์กับประเทศจีนมากขึ้น แนวโน้มของความนิยมในพิธีมิสชาจีนก็ถดถอยลงเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นเพียงความนิยมเฉพาะของคนรุ่นหนึ่งที่ยังคงผูกพันอยู่กับการใช้ภาษาจีน โดยได้รับการปลูกฝังมาจากโรงเรียนจีนในยุคหนึ่ง
คำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักรที่ได้รับการถ่ายทอดออกมาอย่างต่อเนื่อง ภายหลังการสังคายนาวาติกันครั้งที่สองเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม ด้านจิตใจของกลุ่มคริสตังจีนแห่งวัดกาลหว่าร์ในยุคลังคมเมืองสมัยใหม่ ด้วยความสอดประสานกันกับคำสอนของขงจื้อในความเป็นสากลของคุณธรรมและจริยธรรมที่มีอยู่อย่างโดดเด่น ทั้งในเรื่องความยุติธรรม การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และการพัฒนาตนเอง คำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักรจึงเข้าไปสู่ภายในจิตใจของคริสตังจีนกลุ่มนี้ได้อย่างกลมกลืน และช่วยให้พวกเขา พัฒนาตนเองขึ้นมามีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม ทั้งการยอมรับถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของกันและกัน การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เพื่อประโยชน์ของสังคมโดยรวมอย่างแท้จริง และให้ความสำคัญต่อการศึกษาทางศาสนาอย่างลึกซึ้ง