สารนิพนธ์ระดับมหาบัณฑิต ปี 2541
ชีวประวัติและผลงานของโจวานนิ บอคคัชโช
โดย ช่อฟ้า เจตนาวีระบุตร
ดาวน์โหลดได้ที่ https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:118196
บทคัดย่อ
ตลอดระยะเวลายาวนานกว่าหนึ่งพันปีคือ นับตั้งแต่จักรวรรดิโรมันล่มสลายในปี ค.ศ. 476 จนถึงสมัยการปฏิรูปศาสนาใน ค.ศ. 1517 ชาวตะวันตกอยู่ภายได้การครอบงำและบรรยากาศของศาสนจักรโรมันคาธอลิกตลอดมา คิดและทำการสิ่งใดต้องใส่ใจในหลักธรรมคำสอนทางศาสนา เชื่อในเรื่องบาปบุญคุณโทษ นรกและสวรรค์
อย่างไรก็ตาม ในช่วงระหว่างนั้นคือกลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 กลับมีผลงานวรรณกรรมเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้นและได้รับความนิยมอย่างมากคือผลงาน เดคาเมรอน (Decameron) ของโจวานนิ บอคคัชโช นักเขียนชาวฟลอเรนซ์
การได้รับความนิยมและกระแสตอบรับที่ฮือฮาของผลงานเรื่องเดคาเมรอน มาจากเหตุผลหลัก 2 ประการคือ นอกจากเป็นเรื่องที่ให้ความบันเทิง สนุกสนาน ล้อเลียนผู้คนและสังคม จนถูกใจนักอ่านนักฟังในสมัยนั้นแล้ว ขณะเดียวกันเนื้อหาบางส่วนยังพาดพิงถึงกลุ่มคนในวงการศาสนาอย่างชัดเจน แจ่มแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวถึงการประพฤติปฏิบัติตนที่ไม่เหมาะสม ออกนอกลู่นอกทาง การหมกมุ่นอยู่ในเรื่องรักเรื่องใคร่ การฉ้อฉลคอรัปชั่น และแม้กระทั่งการนำคำสั่งสอนทางศาสนามาแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตน ฯลฯ ความฮือฮา โด่งดังของผลงานเดคาเมรอนไม่ได้จบอยู่เพียงเท่านี้แต่ได้เข้ามาอยู่ในความสนใจของสาธารณชนอีกครั้งก็คือ ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่ผลงานถูกจัดจากศาสนจักรให้เป็นผลงานต้องห้ามที่คริสตศาสนิกชนที่ดีไม่สมควรอ่าน
ด้วยปรากฏการณ์ดังกล่าว ความน่าสนใจจึงอยู่ที่ว่าผลงานเดคาเมรอนนี้เกิดขึ้นมาในสังคมที่ศาสนามีบทบาทอย่างสูงยิ่งได้อย่างไร หรือเกิดขึ้นมาในบริบทอื่นใดประกอบอีกบ้างหรือไม่
เพื่อให้เข้าใจสภาพแวดล้อมหรือเงื่อนไขของการเกิดผลงานดังกล่าวมากยิ่งขึ้น การศึกษาครั้งนี้จึงขยายขอบเขตไปศึกษาถึงประวัติชีวิตของผู้แต่งคือโจวานนิ บอคคัชโชเพิ่มเข้ามา
การศึกษาครั้งนี้จึงมีจุดประสงค์สำคัญ 3 ประการคือ หนึ่ง เพื่อศึกษาชีวประวัติของบอคคัชโช ครอบคลุมตั้งแต่ประวัติชีวิต ความเป็นมา การศึกษา สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ในชีวิต เรื่องราวรอบๆ ตัว และทัศนคดิต่าง ๆ สอง เพื่อรวบรวมและศึกษาผลงานวรรณกรรมของบอคคัชโช โดยเน้นวิเคราะห์ผลงานเรื่องเด่นที่สุดคือผลงานเดคาเมรอน สาม เพื่อศึกษาลักษณะและที่มาของความคิดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ในสังคมเมืองของยุโรปช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเอกสาร(documentary research) โดยใช้ผลงานเรื่องเดคาเมรอนเป็นหลัก ประกอบกับเอกสารชั้นรองอื่น ๆ เช่น หนังสือ บทความ และบทวิจารณ์ทั้งนี้เพราะข้อจำกัดเรื่องเอกสารชั้นต้นที่หาไม่ได้ในประเทศไทย
ผลการศึกษาพบว่า การที่บอคคัชโชสามารถแต่งผลงานที่มีเนื้อหาแสดงถึงความไม่ดีไม่งามของบุคคลในแวดวงศาสนาออกมาได้ ในยุคสมัยที่อิทธิพลของศาสนายังปกคลุมไปทั่วนี้เป็นเพราะแท้จริงแล้วสังคมในสมัยกลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 ได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้วพอควร สังคมไม่ได้มีเพียงอิทธิพลของศาสนาแผ่ปกคลุมอยู่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่สังคมสมัยนั้นได้เริ่มมีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมอื่น ๆ เกิดขึ้นอยู่อย่างมากมายด้วย ไม่ว่าจะเป็นสภาพบรรยากาศของสังคมการค้าที่เจริญคึกคัก สภาพของผู้คนใหม่ๆ ชีวิตใหม่ ๆ วัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่เริ่มเกิดมีขึ้นในสังคมเมือง ภาพแห่งความเป็นจริงของชีวิตผู้คนที่หลากหลายและมีชีวิตชีวา ซึ่งทั้งหมดนี้ มาจากประสบการณ์ในชีวิตและสภาพสังคมทั้งมวลที่บอคคัชโซได้สัมผัส
นอกจากนี้ สิ่งที่บอคคัชโซนำเสนอก็ไม่ใช่มีเฉพาะการแสดงเนื้อหาที่ไม่ดีต่อศาสนาเท่านั้น แต่ที่สำคัญมากกว่าและเป็นหัวใจหลักของผลงานเดคาเมรอนกลับมีอยู่ 2 ประการคือประการแรก บอคคัชโชได้นำเสนอธรรมชาติของมนุษย์ในแง่มุมต่าง ๆ ออกมาอย่างหลากหลายอาทิ มนุษย์เป็นผู้มีรักโลภโกรธหลง มีความขัดแย้งในตัวเอง มีอารมณ์ความรู้สึก มีสติปัญญาไหวพริบ มีความรู้ความสามารถ มีทั้งความดีและความไม่ดีอยู่ในตัวเอง เป็นชีวิตของผู้คนที่มีทั้งความหวัง มีสุขทุกข์โศกเศร้า อิจฉาริษยา หรืออยากได้อยากมี เป็นต้น ประการที่ 2 บอคคัชโชได้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติ ค่านิยม และมุมมองที่เริ่มเปลี่ยนไปและเกิดขึ้นใหม่ของผู้คนในสังคม
เรื่องราว มุมมอง และทัศนคติต่าง ๆ ทั้งหมดที่สะท้อนอยู่ในเดคาเมรอน แม้ในตอนแรกอาจถูกมองว่าเป็นเพียงการบันทึกชีวิตของผู้คนมากมายและหลากหลายเท่านั้น แต่ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกลับพบว่าเมื่อถึงเวลาและปัจจัยที่เหมาะสม ความคิดเห็น ทัศนะต่าง ๆ เกี่ยวกับโลกทัศน์ บุคลิกลักษณะทางธรรมชาติและเรื่องราวทั้งหลายทั้งปวงอันเกี่ยวกับมนุษย์ที่ได้เคยถูกกล่าวถึงเป็นแนวทางไว้นั้น ต่อมากลับได้กลายเป็นข้อมูล เป็นหน่ออ่อน เป็นการจุดประกายและเป็นแรงสนับสนุนให้แก่ผู้คนในสังคมยุคต่อมา คือ สมัยพื้นฟูศิลปะวิทยาการ (Renaissance) ได้หันมาพิจารณา ค้นคว้าในประเด็นที่เกี่ยวกับธรรมชาติ แรงบันดาลใจและความสามารถของมนุษย์กันอย่างจริงจังมากขึ้น เมื่อไปประกอบกับการหันกลับไปศึกษาหาความรู้ในยุคกรีกโรมันกันอย่างคึกคัก อันเป็นกระบวนการที่ให้คุณค่ากับความงาม ปรัชญา เหตุผล และคุณค่าของมนุษย์เป็นสำคัญ คุณค่าทั้ง 2 ประการที่เอื้อซึ่งกันและกันนี้ จึงเป็นเหตุปัจจัยสำคัญที่ทำให้ในสมัยต่อมา การพัฒนาแนวคิดมนุษยนิยมได้เกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ
ดังนั้น ทั้งหมดนี้จึงคือ คุณูปการสำคัญของผลงานเดคาเมรอนที่มีต่อยุคสมัย นอกเหนือไปจากที่ผลงานมีคุณค่าอยู่ในตัวเองอยู่แล้วอย่างเต็มเปี่ยม