สารนิพนธ์ระดับมหาบัณฑิต ปี 2551
บทบาทและข้อเสนอของเจ้าสีหนุต่อการแก้ไขปัญหากัมพูชาระหว่างปี 1979-1991
โดย เชิดชาย บุตดี
ดาวน์โหลดได้ที่ https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:125664
บทคัดย่อ
ระหว่างทศวรรษที่ 1970-1990 มีงานที่ศึกษาเกี่ยวกับเจ้าสีหนุหลายเล่มไม่ว่าจะเป็นงานของเดวิด แชนด์เลอร์ (David Chandler) : ประวัติศาสตร์กัมพูชา, มิลตัน ออสบอร์น (Milton Osborne): Politics and Power in Cambodia, Sihanouk:Prince of Light Prince of Darkness, นายัน จันดา(Nayan Chanda): Brother Enemy,โรเจอร์ เกอร์ชอว์ (Roger Kershaw): Monarchy in South - East Asia, นภดล ชาติประเสริฐ : เจ้านโรดมสีหนุกับนโยบายความเป็นกลางของ กัมพูชา ซึ่งงานเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่กัมพูชาได้รับเอกราชในปี 1953 จนถึงประเทศนี้ต้องเผชิญกับการถูกเวียดนามรุกรานและยึดครองในทศวรรษที่ 1980 เจ้าสีหนุถือว่ามีส่วนสำคัญมากสำหรับการเมืองและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา เพราะเจ้าสีหนูมีบทบาทสำคัญต่อการเมืองของกัมพูชาดังกล่าวมา เมื่อพระองค์ต้องมีบทบาทเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหากัมพูชา ซึ่งเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างชาติ มหาอำนาจ บทบาทของพระองค์จะเป็นเช่นไร ดังนั้น งานศึกษาชิ้นนี้จึงมุ่งที่จะทำความเข้าใจว่าเจ้าสีหนุมีบทบาทและข้อเสนอต่อการแก้ไขปัญหากัมพูชาอย่างไรบ้าง อะไรคือแนวทางและเป้าหมายในการดำเนินบทบาทของพระองค์ รวมทั้งพระองค์ยืนอยู่ ณ จุดใดของปัญหา
การศึกษาพบว่า บทบาทของเจ้าสีหนูที่ทรงมีต่อการแก้ไขปัญหากัมพูชาสามารถแบ่งได้เป็น 3 แนวทางคือ 1.การเสนอว่าพระองค์คือผู้เป็นกลางสำหรับทุกฝ่ายในปัญหากัมพูชา 2.การ ต้องร่วมมือกับเขมรแดง และเขมรเสรีในนามของรัฐบาลผสมกัมพูชาประชาธิปไตย 3.การมุ่งเจรจา กับฝ่ายเขมรเฮง สัมริน ในการดำเนินบทบาทตามทั้ง 3 แนวทางนี้ เจ้าสีหนุมีเป้าหมายเพื่อมุ่งไปสู่การแก้ไขปัญหากัมพูชาตามข้อเสนอของพระองค์ทั้ง 5 ขั้นตอนคือ
- เวียดนามต้องถอนทหารออกจากกัมพูชา
- จัดตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติของกัมพูชาขึ้น โดยประกอบไปด้วยตัวแทนจากเขมรทั้ง 4 ฝ่าย
- ให้มีกองกำลังสันติภาพของสหประชาชาติเข้าควบคุมดูแลกัมพูซา เพื่อให้มีการเลือกตั้งโดยเสรี
- ให้ทุกกลุ่มการเมืองของกัมพูชาวางอาวุธ แล้วสามารถร่วมลงรับเลือกตั้งได้
- ให้นานาชาติจัดประชุมเพื่อเห็นชอบร่วมกันในการที่จะให้กัมพูชาเป็นกลางอย่างแท้จริง
บทบาทของเจ้าสีหนุเพื่อแก้ไขปัญหากัมพูชาในทั้ง 3 แนวทาง ต้องมีข้อจำกัด เมื่อ ปัญหากัมพูชาเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างจีนและสหภาพโซเวียต กล่าวคือถ้า จีนและสหภาพโซเวียตขัดแย้งกันรุนแรง การดำเนินบทบาทของเจ้าสีหนุเพื่อแก้ไขปัญหานี้ก็แทบเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกัน ถ้าจีนและสหภาพโซเวียตสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันได้ขึ้นเรื่อย ๆ ก็ย่อมส่งผลดีต่อการดำเนินบทบาทของเจ้าสีหนุไปด้วย
ที่พบได้ชัดเจนคือ การที่เจ้าสีหนูจำต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินบทบาทเพื่อแก้ไขปัญหากัมพูชามากถึง 3 แนวทาง ซึ่งการปรับเปลี่ยนในแต่ละแนวทางล้วนมีปัจจัยจากความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหภาพโซเวียตทั้งสิ้น เช่น การที่เจ้าสีหนุทรงดำเนินบทบาทตามแนวทางที่ 1 อยู่แต่เมื่อการเมืองระหว่างประเทศบีบให้ประเทศต่าง ๆ จำต้องเลือกข้าง พระองค์จึงจำต้องเปลี่ยนไปดำเนินบทบาทอย่างใหม่ เพราะบทบาทเดิมที่เสนอว่าพระองค์เป็นกลางไม่ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายใด
การดำเนินบทบาทใหม่เป็นเรื่องที่เจ้าสีหนุไม่ทรงปรารถนานัก เพราะต้องร่วมมือกับเขมรแดง และเขมรเสรีในนามของ "รัฐบาลผสมกัมพูชาประชาธิปไตย" แต่เพราะต้องการช่วย กัมพูชาให้รอดพ้นจากการถูกเวียดนามยึดครอง ประกอบกับการไม่สามารถมีทางเลือกที่เป็นของพระองค์ เจ้าสีหนูจึงต้องยอมร่วมมือกับเขมรแดง และเขมรเสรีในที่สุด แม้จะมีตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีของรัฐบาลผสมกัมพูชาประชาธิปไตย แต่เจ้าสีหนุก็ยังคงพยายามดำเนินบทบาทตามแนวทางของพระองค์ต่อไป โดยเฉพาะการนำเสนอ "ข้อเสนอที่คงเส้นคงวา" ทั้ง 5 ขั้นตอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อจีนและสหภาพโซเวียตสามารถปรับความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันได้ตั้งแต่ปี 1985 เป็นต้นมา และเพราะต้องการยุติปัญหากัมพูชา เจ้าสีหนุจึงหันไปเปิดเจรจากับฝ่ายเขรเฮง สัมริน ซึ่งเป็นฝ่ายที่ครองอำนาจอยู่ในกรุงพนมเปญ สุดท้ายการที่ปัญหากัมพูชาสามารถ ยุติได้ตามข้อตกลงสันติภาพที่กรุงปารีสในปี 1991 ก็เพราะจีน สหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา ไทยอาเซียน และเวียดนามล้วนเห็นชอบและสนับสนุนในแผนสันติภาพตามข้อตกลง ขณะที่บทบาทและข้อเสนอของเจ้าสีหนุที่ดูเหมือนจะประสบผลสำเร็จนั้น ก็เพราะเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับผลประโยชน์แห่งชาติของจีน สหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา ไทย อาเซียน และเวียดนาม